รอรับทั้งน้ำตา! หนุ่มช่างแอร์ ถูกจับผิดตัว ติดคุกฟรี 80 วัน
จากกรณีช่างซ่อมแอร์คนหนึ่งตกเป็นแพะในคดียาเสพติด หลังจากถูกเพื่อนสนิท ซึ่งถูกจับในคดีเสพยาขณะขับรถ มาขอยืมบัตรประชาชนไป อ้างว่าจะเอาไปใช้ยื่นประกันตัว ทำให้ช่างแอร์คนดังกล่าวต้องตกเป็นผู้ต้องหาอยู่ในเรือนจำนานถึง 80 วัน
ล่าสุดเมื่อคืนนี้ผู้เสียหายได้รับการปล่อยตัวแล้ว หลังตรวจสอบพบว่าเป็นการออกหมายจับผิดตัว โดยพ่อแม่ของผู้เสียหาย ได้โผเข้ากอดลูกชาย หลังได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เนื่องจากศาลอาญารัชดามีคำสั่งปล่อยตัว เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ เนื่องจากตำรวจจับผิดตัวคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
โดยคดีนี้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อผู้เสียหายที่ชื่ออนุชาหรือ “โจ๊ก” อายุ 26 ปี ทำงานเป็นช่างซ่อมแอร์ ย่านมีนบุรี กทม. ถูกตำรวจ 191 ตามไปจับตัว ตามหมายจับในคดีเสพยาเสพติดขณะขับรถ เมื่อปี 2563 ตอนแรกผู้เสียหายได้พยายามปฎิเสธแล้ว แต่ก็ถูกนำตัวส่งสน.โคกคราม จากนั้นส่งฟ้องฝากขังศาลอาญารัชดา นำตัวไปคุมขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทั้งที่ไม่ได้ทำผิด
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาพ่อแม่ยื่นขอประกันตัว 7 ครั้ง แต่ศาลไม่อนุญาต ให้เหตุผลผู้ต้องหาหลบหนีมานาน 3 ปีกลัวจะหลบหนีอีก ตนจึงประสาน พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งก็พบว่าเป็นการออกหมายจับผิดตัว ก่อนจะนำพยานหลักฐานไปขอถอนหมายจับต่อศาล และศาลสั่งปล่อยตัวเมื่อวานนี้
ทลาย “แก๊งไข่หวง” ราชายาเสพติดไต้หวัน ตั้งฐานทัพในไทยส่งออกยานรก
เมื่อ “ยาเสพติด” เป็นเหมือน “ซอมบี้” ไทยยังมีหวังกำจัดมันให้หมดประเทศ?
นายเอกภพยังระบุว่า ผู้ต้องหาตัวจริงชื่อนายภูวดล อายุ 26 ปี เป็นเพื่อนของผู้เสียหาย โดยเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2563 นายภูวดล ถูกตำรวจ 191 เรียกตรวจค้นแล้วพบพิรุธ เมื่อตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วงจึงส่งตรวจหาสารเสพติด พบมีสารเสพติดประเภท 1 ในร่างกายจึงถูกแจ้งข้อหา แต่วันนั้นนายภูวดล อ้างว่าไม่ได้นำบัตรประชาชนมา แล้วอ้างตัวเองชื่อนายอนุชา ถูกพิมพ์ลายนิ้วมือ วันรุ่งขึ้นตำรวจนำตัวไปส่งฝากขังศาล
ต่อมาทราบภายหลังว่า แม่ของนายภูวดล ไปขอบัตรประชาชนของนายอนุชามาอ้าง เพื่อมาใช้เป็นหลักฐานประกันลูกชาย เมื่อศาลให้ประกันก็หลบหนีไม่ไปรายงานตัว ทำให้นายอนุชาถูกออกหมายจับตามหลักฐานบัตรประชาชน จนกระทั่งพ่อแม่ไปร้องขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด จนนำมาสู่การตรวจสอบพบนายอนุชา ไม่ใช่ผู้ต้องหาตัวจริง ส่วนผู้ต้องหาตัวจริงทราบว่าทำศัลยกรรมเปลี่ยนหน้าเพื่อหลบหนี จากนี้จะไปดูเรื่องการเยียวยาที่กระทรวงยุติธรรม รวมถึงตรวจสอบข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น